ทำไมลูกยังเขียนไม่ได้    

โดย จิราวรรณ   พุ่มศรีอินทร์  (ครูเจน) : Smartkids
การเขียนไม่ใช่ว่าแค่สอนให้เด็กจับดินสอเขียนอย่างเดียวแล้วจะเขียนได้เลย การที่เด็กเขียนไม่ได้นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับทักษะใดทักษะหนึ่งเท่านั้น หากแต่มันมีทักษะที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันประกอบกันอยู่ซึ่งแยกออกจากกันไม่ ได้

พัฒนาการด้านการเขียน

อายุ

ความสามารถ

10-12 เดือน

ขีดเขียนเส้นขยุกขยิก

1-2 ปี

พัฒนาจากเส้นขยุกขยิกเป็นการเลียนแบบเส้นแนวตั้ง เส้นแนวนอน (ให้ดูในขณะวาดแล้วให้วาดตาม)

2-3 ปี

ลอกแบบเส้นแนวตั้ง เส้นแนวนอน (ไม่ต้องให้ดูในขณะวาด)

3 ปี

ลอกแบบรูปวงกลม

3-4 ปี

ลอกแบบเครื่องหมายบวกและกากบาท

4-5 ปี

ลอกแบบเส้นเฉียงและสี่เหลี่ยมจัตุรัส

5-6 ปี

ลอกแบบรูปสามเหลี่ยม,สี่เหลี่ยมผืนผ้า,สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน,ลอกชื่อตัวเอง(เขียนตัวใหญ่ขนาด 1.5-5 ซม.)

6-7 ปี

ลอกแบบตัวอักษร,ตัวเลข (เขียนตัวหนังสือได้ในขนาดปกติ 0.5 ซม.)

ทักษะที่จำเป็นก่อนเด็กเริ่มเขียน

  • ความสามารถในการทำงานข้ามแนวกลางลำตัว

ความสามารถในการข้ามแนวกลางลำตัวของร่างกายเป็น พัฒนาการขั้นพื้นฐานของสมองที่เป็นการประสานสัมพันธ์กันภายในสมอง และเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสมองทั้งสองซีก ซึ่งสมองแต่ละซีกจะทำหน้าที่ควบคุมต่างกันแต่จะทำงานร่วมกันเมื่อมีการทำ กิจกรรมที่เป็นการเคลื่อนไหวของร่างกายในแนวข้ามลำตัว ดังนั้นทักษะนี้จึงจะต้องเกิดขึ้นก่อนเพื่อที่จะพัฒนาสหสัมพันธ์ระหว่างตา กับมือและการรับรู้ทางสายตาซึ่งสำคัญกับการอ่านออกเขียนได้ของเด็ก

  • ความสามารถในการใช้มือทั้งสองข้าง

ทักษะการทำงานของมือทั้งสองข้างเป็นความสามารถใน การใช้มือสองข้างทำงานร่วมกันให้สำเร็จ มือหนึ่งเป็นผู้นำอีกมือหนึ่งเป็นผู้ช่วย การพัฒนาของมือข้างที่ถนัด สังเกตได้จากการที่ชอบใช้มือข้างไหนมากกว่า ตัวอย่างของกิจกรรมที่แสดงถึงการใช้ทักษะนี้ คือ

  • การถือกระดาษในมือข้างที่ไม่ถนัดและใช้มือข้างที่ถนัดจับดินสอเขียน
  • การถือกระดาษในมือข้างที่ไม่ถนัดและใช้มือข้างที่ถนัดจับกรรไกรตัด
  • ความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทาง

การเรียนรู้เรื่องทิศทางเป็นสิ่งสำคัญและมีอยู่ใน รูปแบบของการศึกษา ความเข้าใจของคำว่าทิศทางกลายเป็นสิ่งสำคัญในการเขียนซึ่งไม่ว่าจะขณะอ่าน หรือเขียนเด็กจะต้องเริ่มต้นจากทางซ้ายของกระดาษไปทางขวาของกระดาษ

  • ความสามารถในการจำแนกรูปแบบที่เหมือนและแตกต่าง

การแยกแยะความเหมือน ความแตกต่างของสิ่งของหรือรูปภาพ ซึ่งจะสัมพันธ์กับการรับรู้ เกี่ยวกับตำแหน่งและทิศทาง ของวัตถุ (ภาพหรือสิ่งของ)

  • มือข้างที่ถนัด

มือข้างที่ถนัด 
นิสัยโดยธรรมชาติของมนุษย์ที่ชอบใช้มือข้างหนึ่งมากกว่ามืออีกข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อมัดเล็กภายในมือที่จะต้องควบคุม เครื่องมือการเขียนให้เหมาะสม มือข้างที่ถนัดจะพัฒนาทักษะและความแม่นยำในการทำงานของกล้ามเนื้อมัดเล็ก ในขณะที่มือข้างที่ไม่ถนัดจะคอยประคองและช่วยขณะทำงาน มือข้างที่ถนัดควรจะถูกกำหนดก่อนที่เด็กจะเริ่มเขียน ครูควรจะให้โอกาสเด็กได้สำรวจมือข้างที่ชอบมากกว่า เด็กจะต้องมีการพัฒนาของกล้ามเนื้อมัดเล็กเพื่อช่วยให้เกิดทักษะการทำงาน ของกล้ามเนื้อมัดเล็กที่ดี

ความถนัดมือซ้าย     
พัฒนาการของมือข้างที่ถนัดเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพัฒนาการของเด็ก 10% ของประชากรในขณะนี้ถนัดมือซ้าย มีงานวิจัยเสนอแนะว่าครูควรจะแนะนำการทำกิจกรรมที่ส่งเสริมการทำงานของกล้าม เนื้อมัดเล็กและสังเกตมือข้างที่ถนัดของเด็ก เมื่อเขียนบนพื้นราบหรือตามแนวขวาง เด็กที่ถนัดซ้ายควรจะมีการหมุนกระดาษมุมซ้ายด้านบนขึ้นสูงกว่าและใช้มือข้าง ที่ไม่ถนัดจับกระดาษไว้แทน การทำแบบนี้จะช่วยให้คนที่เขียนข้างซ้ายรักษาท่าทางของข้อมือให้อยู่ในแนว ตรงซึ่งจะเป็นการยับยั้งการเขียนในท่างอข้อมือ

  • ท่าทางการจับดินสอ

ท่าทางการจับดินสอ 
ก่อนที่เด็กจะสามารถจับและควบคุมเครื่องเขียนได้นั้น เด็กจะต้องมีสหสัมพันธ์ของการเคลื่อนไหวที่ดีและมีการควบคุมกล้ามเนื้อมัด เล็กภายในมือที่ดี
เด็กจะเริ่มต้นการจับดินสอแบบกำทั้งมือ ซึ่งจะช่วยให้มีกำลังมาก เมื่อใช้การกำเด็กจะใช้ไหล่ในการเคลื่อนไหว การจับดินสอที่ผิดจะทำให้การเขียนไม่มีประสิทธิภาพเพราะเด็กจะใช้แรงมากใน การจับเป็นเหตุให้มือและแขนจะล้าง่าย
เมื่ออายุ 4 ปี เด็กจะเริ่มวางนิ้วมือบนดินสอในทิศทางที่แตกต่างกัน จนกระทั่งมีการพัฒนาไปสู่การจับดินสอที่ดีขึ้น การจับดินสอที่มีประสิทธิภาพที่สุดเรียกว่า “ การจับ 3 นิ้ว” (Tripod grasp ) การจับในลักษณะนี้ประกอบด้วย

  • เด็กถือดินสอไว้ด้วย 3 นิ้ว คือนิ้วกลาง นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้
  • ดินสอจะอยู่บนข้อนิ้วกลาง ขณะที่จะถูกบีบอยู่ระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้
  • นิ้วก้อยและนิ้วนางจะวางพักอยู่บนโต๊ะ

การจับในลักษณะนี้มีประสิทธิภาพเพราะ ใช้แรงในการเขียนน้อยซึ่งทำให้มือไม่ล้าง่ายและทำให้มีการเคลื่อนไหวที่สะดวก

รูปแบบของการจับดินสอ

Supinate grasp (Fist grasp )   คือ การกำดินสอไว้ทั้งมือ การกำในลักษณะนี้จะพบในเด็กที่ยังไม่เข้าโรงเรียน

Pronate grasp (Digital pronate )   คือ แบบฉบับที่ต่อมาจาก supinate grasp เป็นการคว่ำฝ่ามือลงซึ่งนิ้วจะงออยู่รอบดินสอและนิ้วชี้ ชี้ไปข้างหน้า

Dynamic tripod (Digital tripod )   คือ การจับในลักษณะสามนิ้ว การจับในลักษณะนี้ตามปกติสัณนิษฐานว่าจะพบตอนอายุ 7 ขวบ ซึ่งอายุประมาณนี้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ นิ้วกลาง ได้เจริญเติบโตเต็มที่แล้วที่จะจับแบบสามนิ้วได้
   

 

ท่าทางในการจับดินสอที่ผิด

  • ความสามารถในการลอกแบบของเส้นและรูปทรง

เมื่อเด็กเริ่มมีการพัฒนาของสหสัมพันธ์ระหว่างตา กับมือและการจับดินสอ พวกเขาจะเริ่มใช้ทักษะนี้ในการเขียนแบบขีดไปขีดมา จนในที่สุดการขีดไปมาของเด็กจะรวมอยู่ในเส้นพื้นฐานที่ประกอบกันเป็นรูปทรง และรูปภาพ ก่อนที่จะได้รับการสอนตามรูปแบบเด็กจะต้องลากเส้นพื้นฐานได้ป็นอย่างดี มีทิศทางที่เหมาะสม ตัวอย่างของเส้นพื้นฐาน คือ

  • เส้นแนวตั้ง
  • เส้นแนวนอน
  • เส้นเฉียง
  • วงกลม
  • เส้นโค้ง

ทักษะที่จำเป็นเมื่อเ็ด็กเริ่มเขียน...

  • ทักษะการเคลื่อน ไหวประสานกับการมองเห็นและการควบคุมการเคลื่อนไหวประสานกับการมองเห็น ( Visual Motor Skills and Visual Motor Control )

ทักษะการเคลื่อนไหวประสานกับการมองเห็น ( Visual Motor Skills ) คือ

  • ความสามารถในการลอกรูปทรง,ตัวหนังสือหรือตัวเลขโดยใช้การมองเห็น
  • ความสามารถในการจำแนกตัวหนังสือกับตัวเลข
  • ความสามารถในการเขียนตัวหนังสือหรือตัวเลขให้อยู่ในเส้นบรรทัด

การควบคุมการเคลื่อนไหวประสานกับการมองเห็น ( Visual Motor Control ) คือ  ความสามารถด้านสหสัมพันธ์ของตา,แขนและมือ เช่น การลากเส้นหรือระบายสีให้อยู่ในรูปภาพ

  • การรับรู้ทางสายตา ( Visual Perception )

หมายถึง ความสามารถในการแปลผลข้อมูลและรู้ความหมายของสิ่งที่เห็น เด็กจะต้องมีความสามารถในการจดจำตัวหนังสือและแยกแยะตัวหนังสือที่คล้ายกัน เช่น ด กับ ค หรือ ถ กับ ภ
การรับรู้ทางสายตาแบ่งออกเป็นด้านต่างๆ ดังนี้

  • สหสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ ( Eye-hand coordination ) คือ สหสัมพันธ์ของการใช้กล้ามเนื้อมือและตา เด็กที่มีความบกพร่องทางด้านนี้จะส่งผลต่อการเขียนโดยเด็กจะเขียนตัวเล็ก หรือใหญ่เกินเส้นบรรทัด
  • การแยกภาพออกจากพื้น ( Figure-Ground Discrimination ) คือ ความสามารถในการแยกแยะวัตถุหรือรูปทรงออกจากพื้นของรูป เด็กที่มีความบกพร่องทางด้านนี้จะส่งผลต่อการเขียนโดยเด็กจะไม่สามารถจดจำคำ ที่เขียนได้
  • ความคงที่ของวัตถุ ( Form Constancy ) คือ ความสามารถในการรับรู้รูปทรงที่มีความแตกต่างกันด้าน ขนาด แสงเงา พื้นผิว และทิศทางการจัดวางรูป เด็กที่มีความบกพร่องทางด้านนี้จะส่งผลต่อการเขียนโดยเด็กไม่สามารถจำตัว หนังสือที่เขียนในขนาดหรือสีที่ต่างกัน
  • ตำแหน่งในที่ว่าง ( Position in Space ) คือ ความสามารถในการรับรู้ตำแหน่ง ทิศทางของภาพที่เหมือนหรือต่างกัน เด็กที่มีความบกพร่องทางด้านนี้จะส่งผลต่อการเขียนโดยเด็กจะเขียนตัวหนังสือ กลับด้าน
  • มิติสัมพันธ์ ( Spatial Relations ) คือ ความสามารถในการรับรู้ตำแหน่งของร่างกายสัมพันธ์กับที่ว่างและสามารถที่จะ รับรู้ตำแหน่งของวัตถุสัมพันธ์กับตนเองหรือสัมพันธ์กับวัตถุอื่น เด็กที่มีความบกพร่องทางด้านนี้จะส่งผลต่อการเขียนโดยเด็กจะมีปัญหาในการ เรียงลำดับตัวอักษรในคำต่างๆ
  • การเติมเต็มของภาพที่ขาดหายไป ( Visual Closure ) คือ ความสามารถในการบอกว่ารูปทรงหรือรูบภาพนั้นเป็นอะไรเมื่อมองเห็นรูปภาพที่ ไม่สมบูรณ์ของมัน เด็กที่มีความบกพร่องทางด้านนี้จะส่งผลโดยเด็กจะไม่สามารถเติมเต็มตัวอักษร หรือคำที่ขาดหายไปบางส่วนได้
  • ความจำทางสายตา ( Visual Memory ) คือ ความสามารถในการจำลักษณะเด่นของรูปภาพหรือสิ่งหนึ่งๆหรือสามารถจำการเรียง ลำดับของรูปภาพหรือสิ่งหนึ่งที่มากกว่าหนึ่งตัวขึ้นไป เด็กที่มีความบกพร่องทางด้านนี้จะส่งผลโดยเด็กจะไม่สามารถจดจำคำหรือตัว อักษรได้
  • ทักษะการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมัดเล็ก ( Fine Motor Skills )

เด็กที่มีความบกพร่องในด้านการทำงานกล้ามเนื้อมัด เล็กจะมีความยากลำบากในการติดกระดุมหรือดีดนิ้ว,จับดินสอไม่ถูก(จับในท่ากำ ทั้งมือ) และขาดความสามารถในการทำงานที่ละเอียด เช่น การร้อยลูกปัดหรือการต่อเลโก้

  • การควบคุมการทรงท่าของลำตัว ( Trunk Control )

หมายถึง ความแข็งแรงและความมั่นคงของลำตัว แบ่งออกเป็น 2 ด้าน ดังนี้

  • Posture and Balance คือ การทรงท่าและการทรงตัว เด็กจะต้องนั่งตัวตรง ศีรษะตั้งตรงบนเก้าอี้ โดยไม่มีการประคองด้วยแขน ถ้าเด็กใช้แขนในการนั่งจะทำให้การจับดินสอไม่มีประสิทธิภาพ
  • Upper Extremity Control คือ การควบคุมการทำงานตั้งแต่ไหล่ถึงนิ้วมือให้เคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำทั้งใน เรื่องของทิศทาง ระยะทางและการกะแรง เช่น การออกแรงในการดึงเชือกลากของ กับการดึงทิชชู่

จะรู้ได้อย่างไรว่า..... เด็กมีปัญหาด้านการควบคุมการทรงท่าของลำตัว
สังเกตได้จากในระหว่างที่เด็กระบายสีหรือเขียน ตัวเด็กหรือแขนจะค่อยๆเอียงหรือเอนพิงโต๊ะ หรือเอาหัวนอนบนมือ

  • ความมั่นคงของข้อไหล่ ( Shoulder Stability )

หมายถึง การทำงานพร้อมกันของกล้ามเนื้อต่างๆรอบไหล่ เพื่อพยุงให้ข้อต่อมั่นคง เมื่อมีการเขียนมันจะทำงานอย่างช้าๆเพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของไหล่ ถ้าเด็กมีความบกพร่องด้านนี้จะทำให้ไม่สามารถควบคุมข้อต่อให้มั่นคงได้ ถ้าข้อต่อนี้หลวมการควบคุมกล้ามเนื้อมัดเล็กในการเขียนก็จะเป็นไปได้ยากซึ่ง ย่อมส่งผลกระทบกับทักษะการเขียนอย่างแน่นอน

ถ้าไม่มีทักษะเหล่านี้เด็กก็ไม่พร้อมที่จะเขียนเราควรช่วยส่งเสริมทักษะพื้นฐานนี้ได้อย่างไร....

กิจกรรมเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก

กิจกรรมกล้ามเนื้อมัดเล็ก ( Fine Motor Activities )

  • ม้วนและกลิ้งแป้งโดเป็นบอลโดยใช้ฝ่ามือและงอนิ้วมือเล็กน้อย
  • กลิ้งลูกบอลให้เป็นลูกบอลจิ๋วโดยใช้ปลายนิ้ว
  • ใช้หมุดหรือไม้จิ้มฟันในการเล่นกับแป้งโด เช่น ปั้นแป้งเป็นลูกชิ้นแล้วเอาไม้จิ้มฟันเสียบเป็นไม้ลูกชิ้น
  • ตัดแป้งโดด้วยมีดพลาสติดหรือที่ตัดพิซซ่าโดยจับในท่าจับมีดหั่นเนื้อ
  • ฉีกหนังสือพิมพ์ให้เป็นชิ้นยาวๆและขยำให้เป็นลูกบอล
  • ขยำกระดาษหนังสือพิมพ์หนึ่งหน้าด้วยมือเดียวซึ่งจะเป็นการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมือ
  • ใช้สเปรย์ฉีดน้ำผสมสี ฉีดไปบนภาพวาดเพื่อระบายสี
  • ใช้คีมหนีบขนาดใหญ่ หนีบเก็บของ เช่น คีบถั่ว คีบเหรียญ คีบลูกบาศก์
  • ประกบมือสองข้างแล้วเขย่าลูกเต๋าที่อยู่ในมือ
  • กิจกรรมการร้อยและการเย็บ เช่น ร้อยลูกปัด ร้อยมักกะโรนี
  • ใช้ที่หยอดตา ดูดน้ำผสมสีแล้วหยดใส่กระดาษให้เป็นภาพ
  • เล่นพลิกการ์ด,เหรียญ,หมากฮอสหรือกระดุม โดยห้ามลากมาที่ขอบโต๊ะแล้วพลิก
  • เล่นหุ่นนิ้วมือ ใส่ที่นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้และนิ้วกลาง สมมติให้หุ่นเล่าเรื่องคุยกันหรือร้องเพลง

กิจกรรมตัดด้วยกรรไกร ( Scissor Activities )

  • ตัดจดหมายที่ไม่ใช้แล้ว,ตัดกระดาษนิตยสารทำเป็นการ์ด
  • ตัดแป้งโดด้วยกรรไกร
  • ตัดหลอดหรือกระดาษเป็นชิ้นเล็กๆ

กิจกรรมกระตุ้นการรับความรู้สึก ( Sensory Activities )

  • เดินท่าปู (นั่งบนพื้น เอามือวางบนพื้นไว้ข้างหลังแล้วยกก้นขึ้น),เล่นไถนา
  • เล่นเกมตบมือทั้งแบบมีเสียงและไม่มีเสียง หรือตบมือสลับกับตบเข่าด้วย
  • เล่นไล่ตบฟองสบู่โดยใช้มือสองข้างตบเข้าหากัน
  • ดึงดินน้ำมันออกด้วยนิ้วต่างๆกับนิ้วหัวแม่มือ ดึงทีละสองนิ้ว
  • วาดรูปบนทรายเปียก,เกลือ,ข้าวสาร หรือผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำให้มีความหนืดคล้ายกับยาสีฟัน ลากมือไปบนแป้งที่ผสมแล้วซึ่งจะเป็นการส่งความรู้สึกกลับไปที่กล้ามเนื้อและ ข้อต่อด้วย
  • หยิบของชิ้นเล็กๆ เช่น หมุด,เหรียญ หรืออื่นๆออกจากถาดเกลือ,ทราย,ข้าวสารหรือดินน้ำมัน หรือหยิบออกขณะปิดตาจะเป็นการช่วยพัฒนาในด้านการรับรู้ที่มือ

กิจกรรมข้ามแนวกลางลำตัว ( Midline Crossing )

  • ส่งเสริมการเอื้อมข้ามแนวกลางลำตัวของมือแต่ละข้าง เช่น หยิบบล็อคจากซ้ายมือไปใส่กล่องทางขวามือ
  • เลิกห้ามเด็กใช้มือซ้ายในการทำกิจกรรมถ้าเด็กถนัดมือซ้าย ส่งเสริมให้ทำกิจกรรมในแนวกลางลำตัวแล้วให้เด็กเลือกที่จะใช้มือเอง
  • เริ่มสอนเด็กให้รู้จักซ้ายขวาผ่านการเล่น เช่น เตะบอลด้วยขาขวาหรือซ้าย,เลียนแบบท่าทางคล้ายเกมไซม่อมเซย์ บอกคำสั่งให้มีการเคลื่อนไหวข้ามลำตัว
  • ระบายสีภาพที่วางบนขาตั้งภาพ ให้เด็กระบายเป็นเส้นต่อเนื่องข้ามหน้ากระดาษและระบายในแนวเฉียงจากบนลงล่าง

กิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะการเขียน 

กิจกรรมส่งเสริมความมั่นคงของร่างกาย ( Body Stability )

  • กิจกรรมไถนา,เดินปู,กิจกรรมผลัก ดัน
  • เล่นของเล่นต่างๆ เช่น ดินน้ำมันอ่อนๆและเล่นปีนป่าย ไต่

กิจกรรมส่งเสริมทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก ( Fine Motor Skills )

  • ติดกระดาษวาดเขียนแผ่นใหญ่ไว้บนผนังให้เด็กใช้ ปากกามาร์คเกอร์อันใหญ่เขียนบนกระดาษ ลากเส้นให้เด็กลากตามครู โดยลากเส้นจากซ้ายไปขวาอย่างน้อย 10 ครั้ง ให้เด็กลากตามทีละเส้นหรือลากจากบนลงล่าง
  • เล่นเกมต่อจุดโดยการลากเส้นต่อจุดจากซ้ายไปขวาหรือบนลงล่าง
  • วางแผ่นฉลุบนกระดาษแล้วใช้มือข้างที่ไม่ถนัดกดแผ่นฉลุไว้อย่าให้เลื่อนได้ แล้วเอามือข้างที่ถนัดจับดินสอลากไปตามขอบของแผ่นฉลุ
  • ติดผ้าสักหลาดไว้ที่ผนังหรือเอากระดานสักหลาดหรือกระดานแม่เหล็กติดไว้ที่ผนัง แล้วให้เด็กเอารูปทรงหรือภาพต่างๆไปติดไว้บนกระดาน
  • ให้เด็กเขียนบนกระดานดำโดยใช้ชอล์กแทนปากกา ลากเส้นจากบนลงล่าง ซ้ายไปขวา
  • ระบายสีบนกระดาษที่วางบนขาตั้งภาพ

กิจกรรมส่งเสริมการควบคุมการเคลื่อนไหวของลูกตา ( Ocular Motor Control )

  • ใช้ไฟฉายส่องบนเพดาน โดยให้เด็กนอนหงายแล้วมองตามการเคลื่อนไหวของแสงไฟจาก ซ้ายไปขวา บนลงล่างและทิศทางเฉียง
  • หาภาพที่ซ่อนอยู่ในหนังสือ
  • เล่นเกมเขาวงกต

กิจกรรมส่งเสริมสหสัมพันธ์ระหว่างตากับมือ ( Eye-hand Coordination )

  • โยนลูกบอลหรือของเล่นเข้าไปในห่วงฮูล่าฮูบที่วางอยูบนพื้น เพิ่มความยากโดยการเพิ่มระยะทางในการโยน
  • โยนบอลแล้วรับโดยเริ่มจากการใช้บอลลูกใหญ่แล้วลดขนาดลูกบอลลงเพื่อเพิ่มความยาก
  • โยนโบว์ลิ่งโดยใช้ลูกบอลแทนลูกโบว์ลิ่งแล้วใช้ขวดโซดาแทนพินโบว์ลิ่ง
  • เล่นตีลูกโป่งโดยใช้ลูกโป่งขนาดกลาง

 

ขอขอบคุณ: http://www.iamsmartkids.com

 

STEM แนวทางการศึกษาสำหรับเด็กในวันนี้

รู้จักกับแนวทางการศึกษาที่ผนวกความรู้ทางด้าน วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์, คณิตศาสตร์ และ การพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับความท้าทายในโลกยุคใหม่ click! ที่นี่

คัดลายมือแบบกำหนดเอง ไทย-อังกฤษ

ลีลามือ คัดลายมือแบบกำหนดเองคัดลายมือแบบกำหนดเอง รองรับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ กำหนดเป็นชื่อเด็ก ชื่อคุณพ่อคุณแม่ เพิ่มความน่าสนใจให้เด็ก ๆ ฝึกฝนการเขียนได้อย่างสร้างสรรค์ ช่วยพัฒนาทักษะการเขียนและการจับดินสอให้ถูกต้อง

แนะนำ สิ่งที่น่าสนใจ

เกมคิดราคาอาหารร้าน fast foodมาฝึกบวกเลขไปกับเกมสนุก ๆ ในร้านฟาสต์ฟู้ด! กับการคิดราคาชุดอาหารสุดอร่อย พร้อมเสริมทักษะคณิตศาสตร์ไปในตัว เด็ก ๆ จะสนุกกับการคำนวณและรู้สึกเหมือนเป็นมือโปร! click! ที่นี่