พ่อมีความสำคัญต่อลูก
พ่อมีความสำคัญต่อลูกอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อเดือนที่แล้ว นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ Mr.Tony Blair ยังต้องลางาน 1 สัปดาห์เพื่อไปช่วยภรรยา Cherry Blair เลี้ยงลูกเพิ่ง คลอดใหม่ จากการศึกษาของสถาบัน Radcliffe Public Policy ปรากฏเป็นครั้งแรก ว่าคุณพ่อนักทำงานให้ความสำคัญต่อครอบครัวเหนือเรื่องการงาน และ 2 ใน 3 ของคุณพ่อเหล่านี้ยินดีที่จะแลกเงินเดือนส่วนหนึ่งกับการได้อยู่ใกล้ชิดลูก มากขึ้น
ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ายินดี เนื่องจากผลของการศึกษาครั้งนี้ระบุว่า การที่พ่อยิ่งใกล้ชิด ดูแลลูกมากขึ้นเท่าไหร่ในชีวิตประจำวัน ลูกก็จะเติบโตขึ้นเป็นเด็กที่มีความฉลาด, สุขภาพดี และมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนั้นยังมีข้อดีอื่นๆ ที่พบจากจากวิจัยนี้:-
• คุณพ่อที่แสดงความรักต่อลูกและใช้เวลาอยู่กับลูกๆ มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้เด็กรู้สึก มีความมั่นคง ปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น
• เด็กๆ ที่มีคุณพ่อช่วยเลี้ยงดูยามแบเบาะจะมีพัฒนาการในด้านการแก้ปัญหา, การเข้าสังคม และมีทักษะการพูดที่ดีสูงกว่าระดับมาตรฐาน
• การที่คุณพ่อและลูกมีการพูดจาโต้ตอบกัน เล่นด้วยกัน จะทำให้เด็กๆ มีสุขภาพ แข็งแรง, มีการตอบสนองที่ดี และมีทักษะในการเข้าสังคมที่ดี
• เด็กๆ ที่มีคุณพ่อพูดคุย เล่นหัวด้วยจะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางภาษาที่ดี เป็นเด็กที่มีความเชื่อมั่น ภาคภูมิใจในตนเอง, ควบคุมตัวเองได้ดี รวมทั้งมีทักษะในการดำเนินชีวิตที่ดี, มีปัญหาทางความประพฤติน้อย
• เด็กผู้หญิงที่ใกล้ชิดกับพ่อ มักจะเป็นเด็กที่ร่าเริง ขี้เล่น และค่อนข้างจะเป็นที่รักของเพื่อนฝูง
• เด็กผู้ชายที่ใกล้ชิดกับพ่อมาก มักจะเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดี และทำคะแนนได้สูงในการวัด IQ
• คุณพ่อที่สนใจและช่วยเหลือวางแผนการเรียนให้ลูก จะทำให้เด็กทำคะแนน ในการเรียนได้ดีและรู้สึกสนุกสนานในการเรียนหนังสือ
• เด็กที่มีคุณพ่อคอยให้กำลังใจ มักจะเป็นเด็กที่มีความเชื่อมั่นในการเข้าแข่งขัน, สังคมกับเพื่อนฝูงได้ดี, ไม่ค่อยมีรู้สึกกดดันและไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องความประพฤติ
• หากคุณพ่อใช้เวลาอยู่กับลูกตามลำพังอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ครั้ง จะช่วยทำให้เด็ก เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
ข้อดีไม่ใช่ว่าจะมีเฉพาะกับเด็กๆ เท่านั้น แต่ตัวคุณพ่อเองก็ได้ประโยชน์จาก อยู่ใกล้ชิดลูกๆ ด้วยนั่นคือ จะทำให้คุณพ่อมีสุขภาพที่ดี, ปรับตัวเก่ง และค่อนข้างอยากช่วยเหลือสังคมที่ตนเองอาศัยอยู่ให้ดีขึ้น นอกจากนั้น ยังทำให้พ่อมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณพ่อคุณแม่ตัวเองและรักพี่น้อง ของตนมากขึ้น และยังมีชีวิตแต่งงานที่มั่นคงขึ้นมากกว่าคุณพ่อที่ไม่ค่อย อยู่บ้านใกล้ชิดลูกๆ
นอกจากนั้นคุณพ่อที่ยอมสละเวลาการทำงานให้น้อยลงสัก 2-3 ชั่วโมง และอยู่กับลูกมากขึ้น จะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทั้งนี้เพราะนักวิจัยกล่าวว่าคุณพ่อเหล่านี้จะเป็นผู้ที่รับมือกับความ เครียด ในเรื่องงานได้ดีขึ้นและเมื่อมีอายุอยู่ในช่วงวัยกลางคนจะประสบความ สำเร็จในชีวิตการงานมากกว่าคุณพ่อที่บ้างาน
- บทความวิชาการ และทั่วไป
- สุขภาพ & จิตวิทยาเด็ก
- เข้าชม (ครั้ง): 932