สายน้ำ..ลำยอ..กอไผ่..เตาไฟ

ได้ยินคำ 4 คำที่เป็นชื่อเรื่องนี้ครั้งแรกก็อาจจะงงๆ แต่รู้ไหมคะ ที่จริงแล้วคือ 4 หลักเลี้ยงลูกที่เป็นภูมิปัญญาของชาวเหนือแล้ว 4 อย่างนี้จะเกี่ยวข้องกันอย่างไรต้องติดตามค่ะ
เรื่องการเลี้ยงลูกนี่เองเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่คนเป็นพ่อแม่มีความกังวล อย่างมาก เพราะต่างก็ต้องการเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีทั้งนั้น ในขณะที่สังคมในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเร็วจนตั้งรับไม่ค่อยทัน อย่างไรก็ดีชาวบ้านของหลายพื้นที่ในโครงการครอบครัวเข้มแข็งมีความรู้ภูมิปัญญาในการเลี้ยงลูกที่ชาญฉลาดและไม่ล้าสมัย การให้ครอบครัวได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ จึงเป็นหนึ่งทางเลือกที่ครอบครัวสามารถเดินไปถึงปลายทางครอบครัวเข้มแข็งได้ และภูมิปัญญาที่น่าสนใจตัวหนึ่งที่เราได้เรียนรู้คือ ภูมิปัญญาการเลี้ยงลูกของชาวเหนือ ที่อธิบายวิธีการเลี้ยงลูก ด้วยคำเพียง 4 คำคือ “สายน้ำ ลำยอ กอไผ่ เตาไฟ” ซึ่งชาวเหนือถ่ายทอดวิถีการเลี้ยงลูกได้ง่าย กระชับด้วยคำสั้นๆ แต่เปี่ยมล้นด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
 “สายน้ำ” ในการเลี้ยง ลูกให้คิดถึงความเย็นของสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ พอให้ความรู้สึกเย็นสบายอารมณ์ของพ่อแม่ก็ควรเป็นเช่นนั้นการใช้อารมณ์ที่เกรี้ยวกราด หรือรุนแรง ไม่ได้ส่งผลดีใดๆ ต่อลูกรังแต่จะเพิ่มความเครียด เก็บกดให้กับลูก และเด็กยังอาจเรียนรู้การใช้ความรุนแรงจากพ่อแม่ได้ ในทางตรงข้าม หากเราไม่ได้เลี้ยงดูด้วยความรัก ด้วยเหตุผล มีอะไรก็ค่อยๆ พูดอธิบายให้ลูกฟัง เด็กก็จะเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความมั่นคงทางจิตใจ และเป็นเด็กที่มีความสุข การเลี้ยงลูกพ่อแม่จึงเป็นดั่งสายน้ำที่ไหลเอื่อยให้ความสุขสบายและสงบกับ ลูกๆ คงไม่มีลูกคนไหนที่อยากกระโจนลงไปในน้ำที่กำลังเกรี้ยวกราดและดุดันเป็นแน่
“ลำยอ” หากแปลงตรงตัว ลำนั้นคือสาย เหมือนสายน้ำที่เป็นลำ จึงเป็นลำธาร และลำยอ คือคำยอหรือคำชื่นชม ที่หลั่งไหลมาเป็นสาย ความหมายก็คือ ในการเลี้ยงลูกนั้น กาสรชื่นชมลูกก็เป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม หากว่าลูกสามารถทำอะไรได้สำเร็จพ่อแม่ส่วนใหญ่กลัวว่าลูกจะเหลิง จึงไม่ค่อยชื่นชมลูกเท่าไรนัก แต่เราลืมคิดถึงใจเด็ก ซึ่งต้องการใครมาร่วมชื่นชมกับความสำเร็จที่เขาสามารถทำได้ โดยเฉพาะคนที่มีความหมายสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา คือพ่อแม่ ซึ่งคำชมเพียงเล็กน้อยของพ่อแม่ก็สามารถทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำน่ะ มันช่างยิ่งใหญ่นัก ซึ่งจะทำให้เขาเรียนรู้ และค่อยๆ เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นใจไปพร้อมกับลำยอของพ่อแม่ที่หลั่งไหลมาอย่างไม่ ขาดสาย
“กอไผ่” หมายถึงความรัก ความสามัคคีในครอบครัว หากเคยลองสังเกตต้นไผ่จะเห็นว่าต้นไผ่นั้นไม่เคยขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่จะขึ้นเป็นกออยู่เสมอ และแม้ว่าลมพายุจะแรงสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถโค่นแต่ละกอได้ กอไผ่จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความรัก สามัคคีที่เหนียวแน่น ในครอบครัวและการเลี้ยงลูกก็เช่นกัน จะต้องเน้นที่ความรัก ความสามัคคีระหว่างพี่น้อง ที่จะหล่อหลอมครอบครัวให้แข็งแกร่ง ไม่เกรงกลัวต่อสถานการณ์ภายนอกที่เข้ามากระทบ เช่นเดียวกับที่พายุไม่สามารถทำอะไรกอไผ่แม้แต่น้อย
“เตาไฟ” หินสามก้อนที่ เรียกว่าก้อนเส้านี้ คือเตาไฟ ซึ่งจะต้องทนทานต่อความร้อนของไฟที่เผาผลาญตลอดเวลา และแม้จะร้อนอย่างไรก้อนเส้าก็ยังคงสภาพอยู่ได้ เตาไฟจึงเปรียบดั่งความอดทนที่พ่อแม่จะต้องมีในการเลี้ยงลูก แน่นอนว่าหลายครั้งลูกอาจทำอะไรพลั้งผิด ขาดการยั้งคิด หรือไตร่ตรองให้รอบคอบ เนื่องจากประสบการณ์ที่อ่อนด้อยของเขา และเกิดความเสียหายขึ้นมา ความอดทนของพ่อแม่จะมีคุณค่าอย่างมากที่จะตั้งรับ และพาสถานการณ์เลวร้ายเหล่านั้นให้ผ่านมาได้ ความอดทนเยี่ยงเตาไฟจึงเป็นอีกคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับการเลี้ยงลูกให้เติบ ใหญ่
ภูมิปัญญาที่ถูกทำให้เข้าใจง่าย ด้วยการเปรียบเทียบกับธรรมชาติที่แวดล้อม จึงทำให้วิธีการเลี้ยงลูกถูกถ่ายทอดต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อเป็นแนวทางที่ทำให้พ่อแม่ได้อุ่นใจว่า การเลี้ยงลูกท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันนั้นไม่ยากเกินกว่าที่ พ่อแม่จะทำได้ หากเราเปิดใจยอมรับและเรียนรู้ เอว่าสายน้ำ ลำยอ กอไผ่ และเตาไฟ คงเป็นบทเรียนให้อีกหลายครอบครัวได้อย่างดีทีเดียว.